พระจันทกุมาร ทรงบำเพ็ญขันติบารมี


พระจันทกุมารโพธิสัตว์ เป็นพระราชโอรสพระองค์หนึ่ง ของพระเจ้าเอกราช และพระนางโคตมีเทวี แห่งปุปผวดีนคร ทรงดำรงตำแหน่งพระอุราช พราหมณ์ปุโรหิตผู้มีหน้าที่ ถวายอนุศาสน์อรรถธรรมแด่พระราชา และทำหน้าที่ในตำแหน่งตุลาการ ผู้ตัดสินคดีความด้วย มีชื่อว่า กัณฑหาละ คราวหนึ่งพราหมณ์กัณฑหาละนั้น รับสินบนจากคนผิด ได้ตัดสินคดีโดยความลำเอียง ไม่ตัดสินโดยยุติธรรม เมื่อพระอุปราชจันทกุมารทรงทราบ จึงได้เสด็จไปยังโรงวินิจฉัยคดี ทรงตัดสินคดีใหม่ ตามความเป็นจริงโดยยุติธรรม ประชาชนพากันแซ่ซ้องสาธุการด้วยเสียงอันดัง จนความทราบถึงพระราชา พระองค์จึงทรงแต่งตั้งพระจันทกุมาร ให้ทรงรับหน้าที่ตัดสินคดีทั้งปวง แทนกัณฑหาลพราหมณ์ ตั้งแต่นั้นมากัณฑหาลพราหมณ์ ก็ขาดผลประโยชน์ในด้านนี้ไป จึงผูกใจเจ็บแค้นอาฆาต พยายามเสาะหาโอกาสแก้แค้น พระกุมารเรื่อยมา
               วันหนึ่ง เอกราชราชาปัญญาอ่อน ทรงฝันว่าได้เสด็จไปทอดพระเนตรสรวงสวรรค์ ชั้นดาวดึงส์อันสวยงาม ตระการตาน่ารื่นรมย์ เมื่อทรงตื่นบรรทม ภาพแห่งความฝันอันบรรเจิดนั้น ยังติดตรึงพระหฤทัยไม่ลืมเลือน ทรงปรารถนาทีจะได้เสด็จไปประทับอยู่ ณ ที่นั้น ครั้นรุ่งเช้า จึงตรัสถามถึงทางที่จะไปยังดาวดึงสพิภพนั้น กับกัณฑหาลพราหมณ์ กัณฑหาลพราหมณ์คิดว่าบัดนี้ ได้โอกาสที่จะแก้แค้นศัตรูแล้ว จึงกราบทูลพระราชาให้ทรงนำสิ่งมีชีวิต อันทรงคุณค่าและหาได้ยาก อย่างละ 4 ไปบูชายัญ ก็จะได้เสด็จไปสู่สุคติโลกสวรรค์ ดังพระประสงค์ สิ่งมีชีวิตเหล่านั้น คือ พระราชบุตร 4 พระองค์ พระราชธิดา 4 พระองค์ พระมเหสี 4 พระองค์ คฤหบดี 4 คน ช้าง 4 เชือก ม้า 4 ตัว โค 4 ตัว พระราชาทรงเชื่อคำของพราหมณ์ปุโรหิต ตรัสสั่งให้ทรงจับบุคคลและสัตว์ดังกล่าว มาคุมขังไว้เพื่อรอทำพิธีบูชายัญ แม้พระราชบิดา และพระราชมารดา จะทรงห้ามปรามว่า การฆ่าสัตว์เบียดเบียนสัตว์เป็นทางไปสู่นรก ขอให้ทรงเลิกคิดที่จะบูชายัญเสีย ให้ทานเพียงอย่างเดียว ก็เป็นทางไปสู่สุคติแล้ว ก็ไม่ทรงเชื่อฟัง
               พระจันทกุมารโพธิสัตว์ ทรงดำริว่า พราหมณ์ชั่วนั้นแค้นเราผู้เดียว แต่จักทำความพินาศ ให้แก่คนมากมายปานนี้ จึงทรงเข้าเฝ้าพระราชา ทูลอ้อนวอนขออย่าได้ฆ่าพระราชบุตร พระราชธิดา และมเหสีทั้งหลายเลย ขอจงมอบพวกเขาให้เป็นทาส รับใช้พราหมณ์ปุโรหิตก็พอ หรือไม่ก็เนรเทศพวกเขาเสียจากแว่นแคว้น พระราชาไม่อาจทนต่อการอ้อนวอนนั้นได้ จึงสั่งให้ปล่อยทุกคน รวมทั้งสัตว์ด้วย ไม่คิดที่จะบูชายัญต่อไป แต่แล้วเมื่อพราหมณ์กัณฑหาละ มาเกลี้ยกล่อมโดยอ้างเทพสมบัติในสรวงสวรรค์ พระราชาก็ทรงกระสันที่จะเสด็จไป จึงสั่งให้จับพระราชกุมารเป็นต้นเหล่านั้นกลับมาอีก พระราชาสั่งจับแล้วปล่อยในลักษณะนี้ถึง 3 ครั้ง กัณฑหาลพราหมณ์จึงคิดว่า พระราชาพระองค์นี้พระทัยอ่อน ประเดี๋ยวให้จับประเดี๋ยวให้ปล่อย อย่ากระนั้นเลย เราพาพระองค์ไปสู่หลุมยัญเสียเลย จึงทูลว่า บัดนี้หลุมยัญและพิธีการ ได้ตระเตรียมเสร็จแล้ว เชิญพระองค์ทรงบูชายัญ เพื่อเสด็จสู่สรวงสวรรค์เถิด
               พระราชาจึงตรัสสั่งให้นำบุคคล และสัตว์ที่จะบูชายัญ ไปยังโรงพิธีนอกเมือง ดั้งนั้น พระราชกุมาร พระราชกุมารี และพระมเหสี ที่จะถูกบูชายัญก็ถูกพันธนาการ ต้อนไปเป็นกลุ่ม พร้อมกับพวกสัตว์และมนุษย์อื่น พวกพระญาติและประชาชน พากันร้องไห้ปริเวทนาการวุ่นวายอลเวง ไปทั่วเมือง ทุกคนต่างสงสารพวกที่จะถูกบูชายัญ ต่างพากันก่นด่าสาปแช่ง พระราชาเอกราช และกัณฑหาลพราหมณ์
               กัณฑหาลพราหมณ์ ผู้กระทำพิธีสั่งให้คนนำพระจันทกุมารกับพวก พร้อมทั้งสัตว์ ที่จะใช้บูชายัญเข้าไปในโรงพิธีหน้าหลุมยัญ เตรียมดาบมีคม และถาดเงิน ถาดทอง เพื่อรองรับโลหิตไว้ รอโอกาสอันเป็นฤกษ์ดีอยู่ ฝ่ายพระนางจันทาเทวี พระชายาของพระจันทกุมาร ทรงโศกเศร้าเสียพระทัยเป็นที่สุด เฝ้ากราบทูลอ้อนวอนขอชีวิตพระกุมาร จากพระราชาหลายครั้ง หลายหนแต่ไม่เป็นผล พระนางจึงกระทำสัจกิริยาว่า
               " กัณฑหาละผู้มีปัญญาทราม ได้กระทำกรรมชั่ว ด้วยความสัจจริงใด ด้วยสัจวาจานี้ ขอให้ข้าพเจ้าได้อยู่ร่วมกับพระสวามี อมนุษย์เหล่าใดมีอยู่ในที่นี้ ยักษ์ สัตว์ที่เกิดแล้ว และกำลังจะมาเกิดก็ดี ขอจงกระทำความขวนขวายช่วยเหลือข้าพเจ้า ขอให้ข้าพเจ้า ได้อยู่ร่วมกับพระสวามี เทวดาทั้งหลายที่มาแล้วในที่นี้ ปวงสัตว์ที่เกิดแล้วและกำลังจะเกิด ขอจงคุ้มครองข้าพเจ้าผู้แสวงหาที่พึ่ง ผู้ไร้ที่พึ่ง ข้าพเจ้าขอวิงวอนท่านทั้งหลาย ขออย่าให้พวกข้าศึก ชนะพระสวามมีของข้าพเจ้าเลย "
               ลำดับนั้น ท้าวสักกเทวราชเจ้าพิภพดาวดึงส์ ทรงสดับเสียงคร่ำครวญของพระจันเทวีนั้น ทรงตรวจดูด้วยทิพยจักษุ ก็ทรงทราบเรื่องราวทั้งปวง ทรงฉวยเอาค้อนเหล็กอันลุกโพลง แล้วเสด็จมายังโรงพิธีบูชายัญ ตรัสกับพระราชาว่า  " พระราชากาลีจงรู้ไว้ อย่าให้เราตีศรีษะของท่าน ด้วยค้อนเหล็กนี้ ท่านอย่าได้ฆ่าบุตรองค์ใหญ่ ผู้ไม่คิดประทุษร้าย ผู้องอาจดังราชสีห์ พระราชากาลีท่านเคยเห็นที่ไหน คนผู้ฆ่าบุตรภรรยาแล้วได้ไปสู่สวรรค์ "  พระราชาทรงฟังพระดำรัส ของเท้าสักกเทวราช และทอดพระเนตรเห็นรูปร่าง ลักษณะอันน่ามหัศจรรย์น่าเกรงกลัวนั้นแล้ว ทรงสั่งให้เปลื้องเครื่องพันธนาการทั้งปวง ออกจากพระกุมารและพวก ทุกคนจึงได้รับอิสระภาพโดยทั่วหน้า ชาวประชาที่มาประชุมกัน ณ ที่นั้น ต่างพร้อมใจกันจับก้อนดิน ทุ่มใส่กัณฑหาลปุโรหิต จนร่างแหลกเละตายไปในที่นั้นนั่นเอง จากนั้น ฝูงชนก็มุ่งหน้าจะประชาทัณฑ์พระราชา แต่พระจันทกุมารทรงห้ามไว้ พวกเขาจึงพากันถอดเครื่องทรง ของพระราชาออกเสีย ให้นุ่งห่มผ้าเก่าผืนเดียว ทำพระราชานั้นให้เป็นคนจัณฑาลแล้วปล่อยไป ในกาลต่อมา ประชาชนได้อุปภิเษกพระจันทกุมาร และพระนางจันทาเทวี ให้ครองราชสมบัติ ในปุปผวดีนครสืบแทน

ขอบคุณบทความจาก http://www.baanjomyut.com/library/10buddha/chantakuman.html